วว. ชูนวัตกรรมขับเคลื่อนเมืองคาร์บอนต่ำ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม

วว. ชูนวัตกรรมขับเคลื่อนเมืองคาร์บอนต่ำ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม

นางสาวศุภมาส   อิศรภักดี  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มอบนโยบายขับเคลื่อนนวัตกรรมเมืองสีเขียว สู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยสนับสนุนให้ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) อย่างเป็นรูปธรรม ขับเคลื่อนนวัตกรรมไทยใช้ได้จริง ผ่าน 2 โครงการหลัก ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและระดับประเทศ ได้แก่ โครงการขับเคลื่อนงานวิจัยด้านไม้ดอกไม้ประดับ และโครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลครบวงจร 

ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า การดำเนินงานตามนโยบายขับเคลื่อนนวัตกรรมเมืองสีเขียว สู่สังคมคาร์บอนต่ำดังกล่าว วว. และพันธมิตร ร่วมทำงานบูรณาการแบบจตุภาคี Quadruple helix ระหว่างหน่วยงานวิจัย หน่วยงานการศึกษา ชุมชน รวมทั้งภาครัฐและเอกชน นำ วทน. ไปแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (STI  for  Total  Solution) พร้อมเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate Technology) ซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์ที่สอดคล้องกับบริบทการใช้งานจริง ทั้งในด้านต้นทุนและความซับซ้อนของเทคโนโลยี ตลอดจนมีความเหมาะสมกับสังคม และสิ่งแวดล้อม

โครงการขับเคลื่อนงานวิจัยด้านไม้ดอกไม้ประดับ  วว. ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสถาบันการศึกษาทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน 13 แห่ง  เข้าไปขับเคลื่อนผลงานวิจัยด้านไม้ดอกไม้ประดับในชุมชนท้องถิ่นอย่างมีอัตลักษณ์ เช่น เบญจมาศปรับปรุงพันธุ์  เทคโนโลยีการผลิตต้นกล้าปลอดโรค  แม่พันธุ์ไม้กลุ่มแอสเตอร์ ได้แก่ พีค๊อก และมาร์กาเร็ต เป็นต้น เพื่อช่วยลดการนำเข้าสายพันธุ์  ได้พันธุ์ไม้ที่ทนต่อสภาพแวดล้อมในประเทศไทย และเพิ่มศักยภาพการผลิตให้เทียบเท่าต่างประเทศ  นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยที่ผลิตจากวัสดุในท้องถิ่น การใช้สารชีวภัณฑ์ควบคุมศัตรูพืชในระบบเกษตรปลอดภัย เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อลดต้นทุนและอันตรายจากการใช้สารเคมีในการผลิต ความเสียหายระหว่างการขนส่ง สำหรับการสร้างมาตรฐานไม้ตัดดอกและดอกไม้เพื่อการบริโภคอันจะนำไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป ปัจจุบัน วว. และหน่วยงานพันธมิตร ได้เข้าไปมีส่วนร่วมและดูแลวิสาหกิจชุมชนผลิตไม้ดอกเพื่อการตัดดอกและการท่องเที่ยวกว่า 8 จังหวัด เช่น จังหวัดยะลา เชียงราย เชียงใหม่ เลย อุบลราชธานี อุดรธานี นครราชสีมา ลำปาง โดยไม้ดอกเศรษฐกิจหลัก คือ เบญจมาศและแอสเตอร์

โครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลครบวงจร  วว. ร่วมกับกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow)  หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)  สถาบันพลาสติก เทศบาลตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง และจังหวัดระยอง  ซึ่งเป็นต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย จากการขยายผลความสำเร็จ ตาลเดี่ยวโมเดล สู่ภาคเอกชน สำหรับการคัดแยกและยกระดับคุณภาพวัสดุรีไซเคิลเหลือใช้ในชุมชนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีโดยฝีมือคนไทย พร้อมดำเนินการในรูปแบบ  ธุรกิจชุมชนหรือ  Social  Enterprise  เต็มรูปแบบในปี 2567 โดยตั้งเป้าแก้ปัญหาพลาสติกใช้แล้วและวัสดุรีไซเคิลทั้งในชุมชนและในหลุมฝังกลบ เพื่อนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลกว่า  1,000  ตันต่อปี  พร้อมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  2,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี   

นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับกลุ่มบริษัทสมาชิก Alliance to End Plastic Waste  (AEPW)  ในประเทศไทย และ Public  Private  Partnership for Sustainable Plastic and Waste Management  (PPP Plastics) ขับเคลื่อนการจัดการพลาสติกและวัสดุเหลือใช้อย่างยั่งยืน โดยการศึกษาความเป็นไปได้ (feasibility study) ในการจัดตั้ง ศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลครบวงจร “Smart  Recycling  Hub” พร้อมนำร่องโมเดลต้นแบบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจะขยายผลไปยังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  (EEC)  เพื่อพัฒนากลไก  การรวบรวม  การคัดแยก  และการแปรรูป  เป็นวัสดุรีไซเคิลสะอาดคุณภาพสูง  ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน  โดยตั้งเป้าเก็บพลาสติกใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบให้ได้ 50,000 ตันต่อปี

“…ในการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนฯ วว. นำนวัตกรรมจากงานวิจัยมาประยุกต์ใช้จริงให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน  บนพื้นฐานของการตระหนักถึงความสำคัญในการจัดการวัสดุรีไซเคิลแบบมีส่วนร่วม ด้วยการใช้ผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบริหารจัดการขยะชุมชนครบวงจร  ตั้งแต่การจัดการขยะต้นทางถึงปลายทาง  การจัดการวัสดุรีไซเคิล  การจัดการขยะอินทรีย์ และการบำบัดน้ำเสีย โดย วว. มีเทคโนโลยีพร้อมใช้ต่อการจัดการขยะชุมชนในแต่ละขนาดให้เหมาะสมกับระดับชุมชน องค์กร  เทศบาล  องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น  รวมถึงภาคเอกชนในแต่ละระดับ  เพื่อคัดแยกและแปรรูปให้เป็นวัสดุรีไซเคิลคุณภาพสูง ใช้เทคโนโลยีที่ชุมชนเข้าถึงง่าย โดยมีต้นแบบตู้อัจฉริยะในการรวบรวมและคัดแยกขยะพลาสติกที่มีรูปทรงประเภทต่างๆ สายพานแยกขยะคุณภาพสูง  ระบบซักล้างถุงพลาสติกพร้อมระบบบำบัดน้ำ  เครื่องรับซื้อวัสดุรีไซเคิลแบบไร้คน  เครื่องผลิตชีวมวลอัดแท่ง  เครื่องผลิตถ่านกรองน้ำและไบโอชาร์  (Biochar) จากเปลือกผลไม้  ผลิตภัณฑ์ชุมชนมูลค่าเพิ่ม (Upcycling  Product)  จากบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ และผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจากของเหลือทิ้งภายหลังจากการบริโภค  เช่น เปลือกหอยและเปลือกปู  สู่การขับเคลื่อนการจัดการวัสดุรีไซเคิลให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมุ่งเน้นการจัดการวัสดุรีไซเคิลที่ต้นทางเพื่อแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สร้างงาน สร้างอาชีพ สอดคล้องกับนโยบาย BCG Economy พร้อมขยายผลสำเร็จดังกล่าวไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ นับเป็นการร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมเมืองสีเขียว สู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน…”  ผู้ว่าการ วว. กล่าวสรุป