มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ย้ำจุดยืนแบรนด์อันดับ 1 ที่ผู้บริโภคไว้วางใจ เปิดตัวเครื่องปรับอากาศใหม่ ECO EYE INVERTER XT Series ครั้งแรกกับเทคโนโลยีอัจฉริยะ “ECO EYE Sensor” เซ็นเซอร์ใหม่ที่ช่วยสร้างช่วงเวลาที่ชาญฉลาด เหนือกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า
50 ปี มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ยืนหยัดคู่ผู้บริโภคไทย ล่าสุดเปิดตัวเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ECO EYE INVERTER XT Series ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์อัจฉริยะ “ECO EYE Sensor” มอบความสะดวกสบายและประหยัดพลังงานมากกว่า พร้อมตู้เย็น 2 ประตู FC Series รุ่นใหม่ ระบบ Neuro Inverter ด้วยขนาดความจุที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเดินหน้าเสริมแกร่งด้านบริการด้วยระบบไอทีเชื่อมโยงศูนย์บริการทั่วประเทศ เพื่อรองรับการบริการหลังการขายที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นายชินจิ คามิยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ที่ผ่านมา ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคม รวมทั้งส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ และภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ทำให้การขยายตัวในธุรกิจเครื่องปรับอากาศลดลง รวมถึงส่งผลต่อผลประกอบการรวมของบริษัทฯ ในปีงบประมาณ 2563 นี้ มีแนวโน้มลดลงประมาณ 4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามเรายังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด อันดับ 1 และแบรนด์ยอดนิยมที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจในสินค้าประเภทเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน และปั๊มน้ำได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับปี 2564 การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงต่อเนื่อง ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปีนี้ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค New Normal โดยเราได้พัฒนาเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม รุ่นใหม่ ECO EYE INVERTER XT Series ที่โดดเด่นด้วย “ECO EYE Sensor” เซ็นเซอร์อัจฉริยะ สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในห้อง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายไปอีกขั้นและประหยัดพลังงานได้ยิ่งขึ้น พร้อมด้วยเทคโนโลยี Fast Cooling เย็นเร็วทันใจในปุ่มเดียว และ PM2.5 Filter เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญด้านบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน ยกระดับการบริการที่รวดเร็ว เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าทั่วประเทศ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยตั้งเป้ายอดขายภายในปีงบประมาณ 2564 โตขึ้นกว่า 19% จากปีที่ผ่านมา”
“นอกจากนี้ ในปี 2564 ถือเป็นปีที่ดี ที่บริษัทฯ ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 แห่งการประกอบการ เราจึงมุ่งเดินหน้าสร้างการเติบโตและสร้างยอดขายในส่วนของเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์มากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโต ในอนาคต ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายศูนย์บริการสาขา “สำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้มัลติ” จากปัจจุบัน 6 สาขา เพิ่มเป็น 9 สาขา และเพิ่มสัดส่วนการขายธุรกิจ B2B จากปัจจุบัน 15% เป็น 30% ภายในปี 2568 อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ต่าง ๆ ยังไม่แน่นอน บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นพร้อมที่จะส่งมอบความสุข ความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคเพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในการใช้ชีวิต ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ของเราอย่างต่อเนื่องตลอดไป”
นายประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2563 ที่ผ่านมา เป็นอีกปีหนึ่งที่สร้างความท้าทายให้กับงานบริการหลังการขายของเราเป็นอย่างมาก สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงปัญหา รวมทั้งตระหนักถึงการสร้างความเชื่อมั่นในการเพิ่มระดับความปลอดภัยและความมั่นใจในการบริการลูกค้าทุกรายด้วยมาตรการตรวจคัดกรองทีมช่างก่อนให้บริการตามแนวปฏิบัติการป้องกันของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนเดินหน้าเพิ่มศักยภาพด้านงานบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง และในปี 2564 นี้ บริษัทฯ ได้เสริมความแข็งแกร่งด้านบริการหลังการขายให้กับลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยการพัฒนาระบบไอที เชื่อมโยงศูนย์บริการทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในกทม.และต่างจังหวัด ให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันได้ยกระดับศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก ระดับ 1 ที่ได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการสนับสนุน และพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานช่างเทคนิคไทยให้ก้าวไกลต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังได้ยกระดับการอบรม และเปิดทดสอบช่างบริการ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามั่นใจในการบริการของบริษัทฯ อีกด้วย”
นายทาคาชิ ฟูจิกิ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า “จากวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา หลายภาคส่วนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมถึงตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย และด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในยุค New Normal ผู้คนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้นเพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม ช่องทางการขายทางอีคอมเมอร์สเติบโตขึ้นมากถึง 150% รวมถึงอัตราการใช้เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ที่เพิ่มมากขึ้นในปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็น 73% และในปี 2564 นี้ คาดการณ์ว่าจะมากถึง 80% ซึ่งจากแนวโน้มต่าง ๆ เหล่านี้ บริษัทฯ จึงพัฒนากลยุทธ์การขาย ช่องทางการจัดจำหน่าย การสื่อสารทางการตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยมุ่งผลักดันสินค้าหลัก ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และพัดลม พร้อมฟังก์ชั่นใหม่ที่ตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภคให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย และประหยัดพลังงานไปพร้อม ๆ กัน โดยล่าสุดในปี 2564 ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่
•เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ECO EYE INVERTER XT Series โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี ECO EYE Sensor เซ็นเซอร์อัจฉริยะที่สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในห้อง เมื่อตรวจพบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานภายในระยะเวลา 20 นาที เครื่องปรับอากาศจะปรับเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน(Auto Save) และหากยังตรวจพบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เครื่องปรับอากาศจะปิดโดยอัตโนมัติ (Auto Off) แต่เมื่อผู้ใช้งานกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เครื่องปรับอากาศจะเปิดทำงานอัตโนมัติโดยไม่จำเป็นต้องใช้รีโมทคอนโทล (Auto On) นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นอื่น ๆ อาทิ เย็นเร็วทันใจในปุ่มเดียวด้วย Fast Cooling, เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ มอบอากาศสะอาดทุกลมหายใจด้วย PM 2.5 Filter และ Dual Barrier Coating ที่ช่วยลดการเกาะติดของฝุ่นและละอองน้ำมัน ลดภาระการล้างเครื่องปรับอากาศ และฟังก์ชั่น Error Code ที่จะช่วยให้ทุกท่านสามารถเข้าถึงเหตุปัญหาเมื่อเครื่องปรับอากาศขัดข้องได้ในทันที เป็นต้น
•ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น MR-FC35ER ขนาด 314 ลิตร เพิ่มพื้นที่การจัดเก็บได้มากขึ้น มาพร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์ที่ฝาประตู (Capsule door pocket) ทำให้เก็บของได้เป็นสัดส่วน ทั้งยังประหยัดพลังงานด้วยระบบ Neuro Inverter
“นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพ และสนับสนุนการขายให้กับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและโมเดิร์นเทรดให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ด้วยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ ๆ ทั้งกลุ่มธุรกิจ B2C และ B2B มากยิ่งขึ้น สำหรับการสื่อสารทางการตลาดในปีนี้นั้น มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น โดยสื่อสารผ่านช่องทาง Social Media ต่าง ๆ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ พร้อมสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างครบวงจร นอกจากนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้แนวคิด “เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน เพื่อชีวิตวิถีใหม่” นำเสนอนวัตกรรมล้ำสมัย ECO EYE Sensor เซ็นเซอร์อัจฉริยะที่ตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในห้อง สร้างช่วงเวลาที่ชาญฉลาด เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน ลดการสิ้นเปลืองไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค สะท้อนถึงความเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมและทันสมัย ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน โป๊ป – ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ พาร์ทเนอร์ พรีเซ็นเตอร์ ปีที่ 7” โดยจะเริ่มออกอากาศปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เตรียมกิจกรรมส่งเสริมการขาย พร้อมแคมเปญยิ่งใหญ่ในวาระครบรอบ 50 ปี เพื่อขอบคุณผู้บริโภคที่มอบความไว้วางใจเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามิตซูบิชิ อีเล็คทริค ทั้งนี้จากกลยุทธ์การตลาดต่าง ๆ นับว่าเป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจและเพิ่มทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งจะช่วยสานต่อความสำเร็จในการทำตลาดของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค และผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายทาคาชิ ฟูจิกิ กล่าวทิ้งท้าย