มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.ประกาศแผนปี 2565 เร่งขยายสาขาทะลุ 500 แห่งในไทย พร้อมเปิดตัว CEO คนใหม่

มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.ประกาศแผนปี 2565 เร่งขยายสาขาทะลุ 500 แห่งในไทย พร้อมเปิดตัว CEO คนใหม่

กรุงเทพฯ –19 มกราคม 2565– –มิสเตอร์. ดี. ไอ. วาย. ผู้ค้าปลีกสินค้าตกแต่ง และซ่อมแซมบ้านรายใหญ่ที่สุดจากประเทศมาเลเซีย ประกาศแผนปี 2565 เตรียมขยายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 500 แห่งในไทย เป็นอันดับ 2 ภูมิภาคเอเชีย เล็งเปิดแฟล็กชิพสโตร์สาขาแรกกลางปี โดยยังคงอัดแน่นด้วยสินค้าคุณภาพกว่า 18,000 รายการ จาก 10 หมวดหมู่ สำหรับแฟล็กชิพสโตร์นี้ถูกออกแบบในคอนเซ็ปต์ที่เรียบง่าย พร้อมการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น และทางเดินที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมฉลองครบรอบ 6 ปี อัดโปรโมชันและสินค้าตามเทศกาลตลอดทั้งปี เพิ่มอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามาก เจาะ 5 กลุ่มหลักดึงกำลังซื้อผู้บริโภค เผย แม้โควิด-19 ยังระบาด ยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคที่สาขายังคงเดิม  

นายแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในฐานะผู้บริหารระดับสูงคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 ว่าแม้ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ยังแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย แต่มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดในไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตทุกปี โดยแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทปีนี้ คือ การมุ่งขยายสาขาให้มากกว่า 500 แห่งในประเทศไทย จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 400 สาขา พร้อมขยายโมเดลมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เอ็กซ์เพรส ให้มากขึ้น เน้นรุกตลาดคนเมืองภายใต้คอนเซ็ปต์สะดวก ช้อปง่าย จ่ายน้อยซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์สังคมเมืองในปัจจุบัน ซึ่งแผนการขยายสาขาดังกล่าวจะทำให้มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. เป็นร้านค้าปลีกสินค้าตกแต่ง และซ่อมแซมบ้านที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย

ขณะเดียวกัน ปี 2565 นี้จะเป็นปีที่มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.ประเทศไทยได้ ก้าวสู่ปีที่ 6 เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสดังกล่าว บริษัทฯ จัดโปรโมชั่นต้อนรับปีใหม่ ฉลองยิ่งใหญ่ครบ 400 สาขา ที่มีการลดราคาสูงสุดถึง 40% พร้อมเปิดแคมเปญราคาสุดคุ้ม ช้อปสนุก เต็มตะกร้าเพื่อชูจุดขายในเรื่องความหลากหลายของสินค้า ที่มีให้เลือกมากกว่า 18,000 รายการ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เครื่องมือช่าง เครื่องใช้ภายในครัวเรือน อุปกรณ์ประดับยนต์ อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่น ๆ อีกหลายรายการ  รวมทั้งสินค้าราคาพิเศษภายใต้แบรนด์มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ให้ลูกค้าได้สนุกไปกับการเลือกซื้อสินค้าได้เต็มตะกร้า ในราคาถูกเสมอและเพื่อต้อนรับปีเสือ มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. มาพร้อมขบวนสินค้าตกแต่งบ้านเพื่อต้อนรับเทศกาล ตรุษจีน พิเศษซื้อครบ 300 บาท รับฟรี ซองอั่งเปา 1 แพ็ค (4 ชิ้น)

บริษัทตั้งเป้าหมายขยายสาขาให้ครบหรือมากกว่า 524 แห่งในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจในกลุ่มสินค้าต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้านที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ และเราเชื่อว่าสามารถบรรลุตามเป้าหมาย เพราะไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ รวมทั้งสินค้าที่เราจำหน่ายมีครบครัน มีมากกว่า 18,000 รายการ ครอบคลุมทุกหมวดหมู่สินค้า ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกระดับ อีกทั้งสินค้าราคาไม่แพง ซึ่งการขยายสาขา

ดังกล่าวจะทำให้ไทยมีสาขามากสุดรองจากประเทศมาเลเซีย โดยทั่วโลกเรามีมากกว่า 1,800 สาขา และบริษัทแม่มีแผนจะขยายไปในแถบยุโรปด้วยนายแอนดี้ ชิน กล่าว

สำหรับมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. เปิดสาขาแรกในปี 2548 ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีการเติบโตเรื่อยมาจนกลายเป็นผู้ค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้านรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย โดยทำการขยายสาขาไปยังประเทศต่าง ๆ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย บรูไน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินเดีย และตุรกี

ปัจจุบันมีกว่า 1,800 สาขาทั่วโลก สำหรับประเทศไทยได้เข้ามาทำตลาดครั้งแรกเมื่อปี 2559 มีจำนวนสาขาไม่กี่แห่ง ขยายเรื่อยมาจนปีที่ผ่านมามีกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ โดยสาขามี 2 รูปแบบคือ ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าและแบบสแตนอโลน เฉลี่ยพื้นที่ 800 – 1,000 ตารางเมตร โดยสัดส่วนเป็นสาขาในต่างจังหวัด 58% อีก 42% ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ 

นายแอนดี้ กล่าวเสริมว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังระบาดอยู่ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย แต่มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ยังคงให้ความสำคัญและมุ่งมั่นกับการทำตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มอัตราการจ้างงานมากกว่า 2,000 อัตรา และมีแผนจะเพิ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งในช่วง 2 ปีที่เกิดโควิด-19 บริษัทฯ พบว่า ยอดการใช้จ่ายต่อคนนั้นไม่ได้ลดลง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 150-170 บาทต่อคนต่อรอบบิล สำหรับลูกค้าที่เข้าร้านมิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. สามารถแบ่งลูกค้าออกเป็น 5 กลุ่มคือ 1. กลุ่มนักเรียน นักศึกษาอายุตั้งแต่ 18-20 ปี 2. กลุ่มเพิ่งเริ่มทำงาน อายุตั้งแต่ อายุ 20-25 ปี, 3. กลุ่มพ่อบ้าน อายุ 35-45 ปี 4. กลุ่มแม่บ้าน อายุ 35-45 ปี และ 5.กลุ่มวัยเกษียณ อายุ 60 ปีขึ้นไป