นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มอบนโยบายขับเคลื่อนเชิงพื้นที่สนับสนุนให้ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี พัฒนาและออกแบบโมเดลกระบวนการแก้ไขปัญหาความยากจนของจังหวัดปัตตานี ใน 2 พื้นที่ คือ ฟาร์มตัวอย่าง ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านปิยา ตำบลปิยามุมัง และในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ตำบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี โดยการสนับสนุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) พร้อมนำร่องการพัฒนาอาชีพเลี้ยงแพะแบบครบวงจร ตามมาตรฐานสากล ตอบโจทย์ผู้บริโภค/ภาคเกษตรและอุตสาหกรรม สู่การยกระดับคุณภาพชีวิตครัวเรือนอย่างยั่งยืน ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
การพัฒนาและออกแบบโมเดลดังกล่าว จะแก้ปัญหาการเลี้ยงแพะของครัวเรือนยากจนในพื้นที่เป้าหมาย (กว่า 30 ครัวเรือน) ซึ่งมีระบบการเลี้ยงที่ปล่อยให้แพะหากินเองตามธรรมชาติเป็นหลัก เนื่องจากครัวเรือนยากจนยังไม่มีศักยภาพในการสร้างที่เลี้ยงแพะ รวมทั้งผลิตอาหารเลี้ยงแพะที่มีคุณภาพ ทำให้ส่งผลเสียต่อปริมาณและคุณภาพหรือน้ำหนักตัวของแพะ รวมถึงเกิดปัญหาแก่ชุมชนหรือพื้นที่สาธารณะ เช่น แพะขับถ่ายมูลตามพื้นที่ อีกทั้งยังก่อให้เกิดอุบัติเหตุตามท้องถนนเป็นอันตรายทั้งกับประชาชนและแพะ มีผลต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน รวมทั้งลดการขัดแย้งในการที่แพะเข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคล เป็นต้น ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ที่สำคัญในการพัฒนาโมเดลฯ เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวถึงการดำเนินงานตามโมเดลฯ ว่า ประกอบด้วย
กิจกรรมที่ 1) การเลี้ยงแพะแบบครบวงจร โดย วว. พัฒนา “ระบบหนุนเสริมงาน” เพื่อให้ครัวเรือนมีพื้นที่เลี้ยงแพะและมีอาหารเลี้ยงแพะที่มีคุณภาพ ด้วยการจัดหาพ่อพันธุ์แพะเนื้อสายพันธุ์แองโกลนูเบียนและสายพันธุ์บอร์ รวมจำนวน 6 ตัว เพื่อเป็นพ่อพันธุ์แพะสายเลือดดีประจำพื้นที่ และพัฒนาแปลงปลูกพืชอาหารสัตว์ ณ ฟาร์มตัวอย่างบ้านปิยามุมัง ขนาด พื้นที่ 4 ไร่ และในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ตำบลแหลมโพธิ์ จำนวน 20 ไร่ ในการปลูกหญ้ากินรี ปลูกมันสำปะหลัง สำหรับเป็นอาหารสัตว์และสามารถปลูกได้ผลผลิตดีในสภาพดินทรายจัดที่มีความเค็มสูง พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและใช้อาหารหมักคุณภาพสูงสำหรับแพะเนื้อ ที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์ ได้แก่ เชื้อราสายพันธุ์ Rhizopus เชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ Lactobacillus และเชื้อยีสต์สายพันธุ์ Saccharomyces จากแหล่งผลิตภัณฑ์อาหารในพื้นที่ รวมทั้งพัฒนาการผลิตปุ๋ยอินทรีย์แบบเม็ดจากมูลแพะเคลือบด้วยจุลินทรีย์ประจำถิ่นจากแหล่งดินสมบูรณ์ พัฒนาคอกเลี้ยงแพะแก้ปัญหาแพะออกไปหากินหรือเดินไปตามพื้นที่สาธารณะและช่วยให้แพะมีการเลี้ยงที่ถูกสุขลักษณะ
“…การดำเนินงานดังกล่าวทำให้เกษตรกรมีองค์ความรู้ มีทักษะในกระบวนการผลิต มีสถานที่เหมาะสมสำหรับการผลิต ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง ยกระดับทั้งปริมาณและคุณภาพของผลผลิตแพะเนื้อด้วย วทน. ตอบโจทย์การสร้างอาชีพการเลี้ยงแพะแบบครบวงจรในพื้นที่ แก้ไขปัญหาความยากจน โดยมีเครือข่ายร่วมในพื้นที่บูรณาการดำเนินงาน ได้แก่ ฟาร์มตัวอย่างบ้านปิยามุมัง ฟาร์มตัวอย่างบ้านสีปาย สำนักงานปศุสัตว์อำเภอยะหริ่ง สำนักงานเกษตรอำเภอยะหริ่ง สถานีพัฒนาที่ดินปัตตานี องค์การบริหารส่วนตำบลแหลมโพธิ์ วิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลัยเทคนิค และวิทยาลัยการอาชีพจังหวัดปัตตานี สหกรณ์การเกษตรปิยาราตา นทพ. จำกัด สหกรณ์แพะและแกะ จำกัด เพื่อให้งานของพื้นที่เป็นความร่วมมือที่เกิดจากศักยภาพของพื้นที่ (Collaborative governance) ตามองค์ประกอบและภาพของการทำงานเชิงพื้นที่ของจังหวัดปัตตานี ที่ทาง บพท. ได้กำหนดไว้…” ผู้ว่าการ วว. กล่าว
กิจกรรมที่ 2) การพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องแกงสมุนไพรแกงกูตุ๊ เป็นการเพิ่มมูลค่าพัฒนาอาหารทางวัฒนธรรมท้องถิ่น โดย วว. ดำเนินการที่ปรึกษาในการพัฒนากระบวนการผลิตเครื่องแกงกูตุ๊ ซึ่ง “แกงกูตุ๊” เป็นอาหารหลักของพื้นที่และชาวมุสลิม โดยเน้นการใช้ภูมิปัญญาสมุนไพรและเครื่องเทศของพื้นที่ เป็นจุดเริ่มต้นในการหากระบวนการสร้างรายได้ ประกอบด้วย การศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิต การวิเคราะห์ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ การออกแบบพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหาร โดยการใช้เทคโนโลยีปลอดเชื้อแบบสเตอร์ริไรซ์ และผลิตที่โรงงานแปรรูปอาหาร ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่ได้มาตรฐาน GMP และฮาลาล รวมทั้งวิเคราะห์สารสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องแกงกูตุ๊ ซึ่งมีปริมาณสารฟีนอลิคและฟลาโวนอยด์สูง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูอิสระด้วยการยับยั้งอนุมูลอิสระของกลไก Oxygen radical absorbance capacity สูงที่สุด และไม่มีสารก่อให้เกิดโรคในทางเดินอาหาร โดยผลิตภัณฑ์เครื่องแกงที่พัฒนาสำเร็จ สามารถพกพาสะดวก เหมาะกับการเดินทางไกล เช่น เดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนา พิธีฮัจญ์ เป็นต้น สามารถนำไปปรุงผสมกับเนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อวัวหรือเนื้อแพะ จะทำให้อาหารไม่มีกลิ่นสาบ มีรสชาติเผ็ดร้อน และถูกต้องตามหลักศาสนา โดยทางมหาวิยาลัยในพื้นที่มีความสามารถเชื่อมโยงการจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาอาชีพให้กับกลุ่มเป้าหมายครัวเรือนยากจนในพื้นที่ เพื่อให้เป็นรูปแบบของธุรกิจชุมชนในอนาคตต่อไป